วันพุธที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2553

วันอาทิตย์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2553

เตือนสติ มนุษย์เงินเดือน

Hibiscus_Buddha

นกแสนสวยกับถั่วของอาบัง
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีนกแสนสวยตัวหนึ่ง
มีขนสวยงามมาก มีคนอยากได้ไว้ครอบครองเป็นจำนวนมาก
แต่ไม่เคยมีชาวบ้านคนไหนจับนกตัวนั้นได้เลย
อยู่มาวันหนึ่งมี อาบัง ขายถั่วมานั่งใต้ต้นไม้ที่มีนกแสนสวยอยู่

พอนกแสนสวยเห็นถั่วของอาบังก็เกิดอยากกินขึ้นมา จึงร้องบอกอาบังว่า
“อาบัง อาบัง ขอถั่วให้ชั้นกินหน่อยสิ”
อาบังได้ยินดังนั้น ก็ตอบกลับไปว่า
“ได้เลย ได้เลย แต่ขอขนให้ชั้นเส้นนึงนะ”

พอนกได้ยินดังนั้น ก็ก้มลงมองที่ขนของตนเอง
แล้วคิดว่า ขนของตนเองนี่มีเยอะมาก เสียไปสักเส้นคงไม่เป็นไรหรอก
นกแสนสวยก็เลยให้ขนอาบังไปหนึ่งเส้น แล้วก็ลงไปกินถั่วของอาบัง
วันต่อมานกแสนสวยก็บอกกับอาบังอีกว่าขอถั่วให้ชั้นกินหน่อยสิ
อาบังก็ตอบเหมือนเดิมว่าขอขนให้ชั้นเส้นหนึ่งก่อน
นกแสนสวยก็คิดเหมือนเดิมว่าขนมันยังมีอยู่เยอะก็เลยให้ขนอาบังไปอีก
เป็นอย่างนี้ต่อไปอีกหลายวัน

จนวันหนึ่ง นกแสนสวยก็ขอถั่วอาบังกินอีก
อาบังก็ตอบเหมือนเดิมว่า ขอขนให้ชั้นเส้นหนึ่งก่อน
นกก็ไม่รีรอรีบให้ขนอาบังไปทันที แล้วลงมากินถั่วของอาบัง
อาบังก็เลยจับนกตัวนั้นไว้ได้ เพราะว่าขนของมันเหลือน้อยแล้วไม่สามารถที่จะบินหนีอาบังได้

เรื่องนี้ถ้าอ่านผ่านไปอาจจะไม่ได้อะไรเลย
แต่ถ้าเราลองคิดให้ดี เปลี่ยนจากนกแสนสวยเป็นตัวเรา
ขนของนกแต่ละเส้นคือเวลาของเราที่เสียไป
และอาบังเป็นนายจ้างของเราส่วนถั่วที่อาบังให้ก็เหมือนกับเงินเดือนที่นายจ้างให้
เรา
หมายความว่า ทุกวันนี้ ถ้าเรายังประมาทในการใช้ชีวิตยังพอใจแค่เงินเดือนที่นายจ้างให้เราทุกเดือน
เวลาของเราก็จะค่อยๆหมดไปเรื่อยๆ เวลาของเราไม่ได้มีมากมายหรอก
ถ้าอายุซัก 100 ปี ก้อมีเวลา 36500 วัน แป๊บเดียวเดี๋ยวมันก็หมดไปแล้ว

ซึ่งเงินเดือนที่นายจ้างให้เราเนี่ยก็ให้แค่พอเราอยู่ได้ทุกเดือนเท่านั้นแหละ
บางคนอาจจะคิดว่าการทำงานประจำเป็นอาชีพที่มั่นคง
แต่เราถูกจำกัด เพราะการเป็นลูกจ้างเค้าเนี่ยเราไม่สามารถที่จะกำหนดวิถีชีวิตของตัวเองได้
เราถูกนายจ้างเรากำหนดให้ต่างหากว่าจะหยุดวันไหนวันนี้จะทำอะไร
หลายคนยึดติดกับความคุ้นเคยกับความสบายเพียงแค่วันนี้

แต่ลองมองให้ไกลๆ มองถึงอนาคตของเราว่า
เราจะหยุดทำงานเมื่อไหร่เราจะใช้ชีวิตในวัยเกษียณอย่างไร
อย่าเป็นเหมือนนกแสนสวยที่รู้ตัวก็ตอนที่ตัวเองไม่มีขนอยู่ที่ตัวแล้ว

Ps... ดังที่ Jim Rohn นักปรัชญาของโลกกล่าวไว้
" เงินเดือนทำให้คุณสามารถยังชีพได้ แต่ผลกำไรสามารถทำให้คุณเป็นเศรษฐีได้"

อะไรกำหนด

TIB1005

ฟ้ามิได้แบ่ง 'ยอดคน' กับ 'คนธรรมดา' ออกจากกัน

ยอดคนจะปรากฏขึ้นเสมอ แต่นั้นมิใช่เพราะ 'ฟ้ากำหนด'

การที่ "ยอดคน"ปรากฏขึ้นได้ เพราะ เขาผ่านการ "ฝึกฝน" และ "เรียนรู้" ที่จะเป็นยอดคน

................................................................

"อัจฉริยะ" ไม่ใช่สัตว์ประหลาดที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ

แต่เป็นสิ่งที่ ถูกสร้างขึ้นมา ไม่มีใครเก่งมาตั้งแต่เกิด

คนเก่งได้นั้นต้องได้รับการฝึกฝน ม้าดี ต้องมีคนขี่มาฝึกฝน ..

นักกีฬาที่ดีต้องมีโค้ชที่ดีมาฝึกฝน

.......................................................

Don't Look Down Yourself.

อดีตไม่สำคัญว่าเราเป็นใคร สำคัญที่ว่าวันนี้เราต้องการเป็นใคร
จงเคารพนับถือในความสามารถของตัวเอง ยกย่องและให้เกียรติ ตัวเอง

.............................................................

สมองของคนเราเหมือนพื้นดินที่ว่างเปล่า

เมื่อเราปลูกอะไรลงไปเราก็จะได้ผลเป็นอย่างนั้น .. จงปลูกฝังแต่สิ่งดีๆ

ลงไปในสมองคำพูดใดๆ ที่เราเคยได้ยินซ้ำๆ ซากๆ เกิน 37 ครั้ง

มันจะกลายเป็น "อุปนิสัย" ของเราทันที

..............................................................

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในโลกคือ "สิ่งแวดล้อม"

อย่าปล่อยให้ความคิด หรือคำพูดของคนบางคน มาตัดสินชีวิตของเรา

ในโลกนี้ไม่มีใครมีอิทธิพลกับตัวเรา นอกจากตัวเราเอง

..............................................................

ชีวิตไม่ใช่เกมส์กีฬา ไม่มีเวลาพักครึ่ง ไม่มีการขอเวลานอก

และที่สำคัญคือ 'เปลี่ยนตัวผู้เล่นไม่ได้' ไม่มีใครเกิดมา 'ล้มเหลว' มีแต่ 'ล้มเลิก'

.........................................

คนฉลาด.. ต้องโง่เป็น คนโง่ไม่เป็น..จะไม่มีทางฉลาด

.........................................

เพียงคุณคิดว่าคุณทำได้ คุณก็ทำได้ตั้งแต่ที่คุณคิด

แต่หากคุณคิดว่าคุณทำไม่ได้ คุณก็ทำไม่ได้ตั้งแต่ที่คุณคิด

สิ่งที่เลวร้ายที่สุดของมนุษย์

คือความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ 'ทางจิต' ที่ ตอกย้ำตัวเองว่า .. ทำไม่ได้

.........................................

แม้แต่ "คิด" ยังไม่กล้าที่จะคิด แล้วชีวิตจะประสบความสำเร็จได้อย่างไร?

จงกล้าที่จะเผชิญความล้มเหลว.. ความล้มเหลวคือครูที่ทดสอบตัวเรา

If you want to have success, you have no choice.

.......................................................................

มนุษย์ คือจุดศูนย์กลางของเส้นรอบวงที่ไม่มีขีดจำกัด …...

ทำไมมนุษย์เหมือนกันจึงประสบความสำเร็จไม่เท่ากัน

นั่นเป็นเพราะ มนุษย์แต่ละคนได้รับโอกาสทางความคิดที่แตกต่างกัน

................................................................

คนสำเร็จมองปัญหาเป็นโอกาส คนล้มเหลวมองโอกาสเป็นปัญหา

คนสำเร็จจะปรับตัวเองไปหาโลกภายนอก

คนล้มเหลว จะให้โลกภายนอกปรับเข้าหาตัวเอง

Team work is less 'E-GO' and more 'WE GROW'
.................................................................

คนสำเร็จระดับผู้บริหาร เป็นผู้นำขององค์กรต่างๆ ในโลกนี้ กว่า 85%ทั่วโลก

ล้วนแล้วแต่มิใช่คนเก่ง แต่เป็นคนดีทั้งสิ้น

คนเก่ง.. มักจะมี 'อัตตา'

จะไม่ยอมปรับตัวเข้าหาโลก ไม่รับฟังความคิดเห็นของคนอื่น

ไม่ยอมรับการพัฒนา..ความรู้ และสิ่งใหม่ๆ 'ปกครองคนไม่ได้'

คนเก่งนั้น..ใช้เวลา 2-3 ปี ก็สอนให้เก่งได้ ..

แต่.. คนดีต้องใช้เวลา 'ชั่วชีวิต' สอนกัน

คนเก่งมักจะขาดความจงรักภักดี ไม่มีความกตัญญู

......................................................................

"ความรู้" เป็นเพียง "พลังอำนาจแฝง" ชนิดหนึ่งเท่านั้น

"ความรู้" จะกลายเป็น "พลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่" ได้ก็ต่อเมื่อ

มันถูกนำ ไปใช้อย่างชาญฉลาดเท่านั้น
..........................................................................

ฟัง..แต่..ไม่ได้ยิน ได้ยิน..แต่..ไม่เข้าใจ เข้าใจ..แต่..ไม่ลึกซึ้ง

ลึกซึ้ง..แต่..ไม่แตกฉาน แตกฉาน..แต่..นำไปใช้ไม่เป็น !!!

จงนำศักยภาพ และอัจฉริยภาพ ที่ซ่อนเร้นในตัวเรา มาใช้อย่างชาญฉลาด ...

ธรรมะอีกครั้ง

247480

12301663163163 12301729283163 ATzj20070505150345 Buddha%20Wallpaper1360